บทความ: ฝุ่น PM2.5 กับปัญหาเรื่องความงาม

1307 จำนวนผู้เข้าชม  | 

บทความ: ฝุ่น PM2.5 กับปัญหาเรื่องความงาม

ฝุ่น PM2.5 กับปัญหาเรื่องความงาม
ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหามลพิษทางอากาศ และฝุ่นละอองในบรรยากาศ ในหลายพื้นที่ของประเทศที่กลาเป็น พื้นที่วิกฤตคุณภาพอากาศ" ยังคงมีสารมลพิษทางอากาศเกินค่ามาตรฐาน ซึ่งก่อให้เกิดมีผลกระทบทางสุขภาพในหลายด้าน โดยเป็นปัจจัยร่วมอันก่อให้เกิดโรคต่างๆ ได้แก่ กลุ่มโรคระบบหัวใจและหลอดเลือด โรคเรื้อรังของทางเดินหายใจ โรคติดเชื้อเฉียบพลันระบบหายใจส่วนล่าง และโรคมะเร็งปอด

ฝุ่น PM.2.5 คืออะไร
คำว่า PM ย่อมาจาก Particulate Matters เป็นคำเรียกค่ามาตรฐานของฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพซึ่งมีอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด ได้แก่ PM 10 และ PM 2.5 ส่วนตัวเลข 2.5 นันมาจากหน่วย 2.5 ไมครอนหรือไมโครเมตรนั่นเอง ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าเส้นผม 20 เท่า องค์การอนามัยโลกประกาศให้ฝุ่นละออง PM2.5 ถือเป็นมลพิษต่อสุขภาพของมนุษย์ตามที่ เพราะเป็นฝุ่นที่มีขนาดเล็กทำให้เล็ดลอดผ่านขนจมูกเข้าสู่ปอด บางส่วนสามารถเล็ดลอดผ่านผนังถุงลมเข้าเส้นเลือดฝอยล่องลอยอยู่ในกระแสเลือด และกระจายตัวแทรกซึมไปทั่วร่างกายของเรา ซึ่งจะส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาว

มีผลโดยตรงต่อระบบทางเดินหายใจ
ฝุ่น PM2.5 ส่งผลโดยตรงต่อระบบทางเดินหายใจ โดยจะ กระตุ้นให้คนที่มีโรคระบบทางเดินหายใจเรื้อรังเกิดอาการกำเริบ เช่น โรคจมูกอักเสบภูมิแพ้ โรคหอบหืด และโรคถุงลมโป่งพอง การทำงานของปอดถดถอย อาจเกิดโรคถุงลมโป่งพองได้ แม้จะไม่สูบบุหรี่ก็ตาม และ เพิ่มโอกาสทำให้เกิดมะเร็งปอดได้ด้วย และยังกระตุ้นให้คนที่มีโรคระบบหัวใจและหลอดเลือดเรื้อรังเกิดอาการกำเริบ โดยเฉพาะโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด

กระตุ้นให้เกิดสารอนุมูลอิสระ ปัญหาต่อสุขภาพและความงาม
ฝุ่น PM2.5 นันสามารถ กระตุ้นให้เกิดสารอนุมูลอิสระ(free radical) และลดระบบแอนตี้ออกซิแดนท์ หรือสารต้านอนุมู-อิสระ ซึ่งสารอนุมูลอิสระเหล่านี้จึงเข้าไปทำลายภูมิคุ้มกันและกัดกร่อนเชลล์ให้เสื่อมสภาพเร็ว จึงเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ผิวหมองคล้ำ ส่งผลให้ผิวหนังมีริวรอยเหียวย่น แก่ก่อนวัยอันควร จนไปถึงเกิดอาการเสื่อมของเซลล์อวัยวะต่างๆ จนก่อตัวเป็นเชลล์มะเร็งได้ โดยปกติแล้วร่างกายคนเราจะมีกลไกป้องกันตัวเอง โดยสร้างเลือดขาวขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ดักจับและทำลายเชื่อโรคในร่างกายช่วยกำจัดสารพิษและของเสียบางชนิด รวมทั้งช่วยกำจัดเศษเซลล์ต่าง ๆ ที่ถูกทำลายโดยธรรมชาติ หรือเซลล์ที่ผิดปรกติบางชนิด แต่เม็ดเลือดขาวจะไม่สามารถกำจัดอนุมูลอิสระในร่างกายได้เนื่องจากมีขนาดเล็กเกินไป

ป้องกันตัวเองอย่างไรได้บ้าง
  1. หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งในวันที่มีค่าฝุ่นในอากาศสูง แต่ถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้
    ให้ปัองกันการเข้าไปของฝุ่น PM2.5 ด้วยการใส่หน้ากากอนามัยให้ถูกต้อง
  2. รับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ อันได้แก่
    - วิตามินเอ วิตามินซี วิตามินอี
    - แร่ธาตุทุกชนิด
    - โคเอนไซม์คิวเทน (Coenzyme Q10)
    - กลูต้าไธโอน (Glutathione) สุดยอดสารต่อต้านอนุมูลอิสระและรักษาโรคมะเร็งชั้นเลิศ !
    - แคโรทีนอยด์ (มีประมาณ 600 ชนิด ที่เด่นชัดก็มี แอลฟาแคโรทีน เบต้าแคโรทีน ไลโคปีน ลูทีน)
    - ฟลาโวนอยด์ พบได้ใน ผลไม้ เมล็ดธัญพืช ใบไม้ เปลือกไม้
    - กรดไลโปอีก (สารต้านอนุมูลอิสระแบบครอบจักรวาล)
    - เมลาโทนิน (นาฬิกาชีวิต) พบได้ในนมวัว
    - ไอโซฟลาโวน พบในถั่วเหลืองและถั่วอื่น ๆ
    - ผลไม้ประเภท เบอรีรี่
    - บรอกโคลี กะหล่ำดาว กะหล่ำปลี
    - ใบแปะก๊วย
  3. การรับประทานวิตามินเสริม หรือเลือกการให้วิตามินทางสายน้ำเกลือ เหมาะกับผู้ที่ทานอาหารไม่ครบห้าหมู่ และมีเวลาน้อย
  4. ออกกำลังกายเป็นประจำ
  5. พักผ่อนให้เพียงพอ
  6. หาสมดุลให้ชีวิต อย่าปล่อยตัวเองให้เครียด

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้